วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

2. ทิพพโสต

อภิญญาที่ 2 ทิพพโสต (หูทิพย์)

จาก : หนังสืออภิญญา โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

อภิญญาที่ ๒ ทิพโสตญาณ ญาณหูทิพย์นี้ ท่านให้เข้าฌานในกรรมฐานกองใดกองหนึ่งก็ได้ เป็นกรรมฐานที่มีอภิญญาเป็นบาท คือ กรรมฐานกองนี้ทรงคุณถึงฌานที่ ๔ ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่า ทำไมกรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นั้น ทรงคุณไม่เสมอกันหรืออย่างไร ขอตอบว่ากำลังของกรรมฐานทั้ง ๔๐ ไม่เท่ากัน เช่น อนุสสติ ๓ คือ พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นต้น ทรงกำลังได้เพียงอุปจารฌาน กสิณ ๑๐ อสุภ ๑๐ จตุธาตุ ๔ เป็นต้น ทรงกำลังได้ถึงฌานที่ ๔ ฌานที่ ๔ นี้เป็นฌานที่มีอภิญญาเป็นบาท เพราะทรงอภิญญาไว้ได้ กำลังของกรรมฐานไม่เท่ากันอย่างนี้ ท่านจึงให้เลือกกรรมฐานเข้าฌาน เข้าให้ถึงฌานที่ ๔ แล้วถอยจิตออกจากฌานให้ตั้งอยู่เพียงอุปจารฌาน แล้วคิดคำนึงถึงเสียงที่ได้ยินมาแล้วในเวลาก่อน ๆ ในระยะแรกให้คำนึงถึงเสียงที่ดังมาก ๆ เช่น เสียงกลอง เสียงระฆัง เสียงหวูดรถไฟ เรือยนต์ แล้วค่อยคำนึงถึงเสียงที่เบาลงมาเป็นลำดับ จนถึงเสียงกระซิบ และเสียงมดปลวก ซึ่งปกติเราจะไม่ได้ยินเสียง คำนึงด้วยจิตในสมาธิ จนเสียงนั้น ๆ ก้องอยู่ คล้ายกับเสียงนั้นปรากฏอยู่เฉพาะหน้า และใกล้หู ต่อไปก็คำนึงถึงเสียงที่อยู่ไกลข้ามบ้าน ข้ามตำบล อำเภอ จังหวัด และเสียงที่บุคคลอื่นพูดแล้วในเวลาที่ล่วงเลยมาแล้ว เมื่อเสียงนั้น ๆ ปรากฏชัดแล้ว เป็นอันว่าได้ ทิพโสตญาณ หูทิพย์ในอภิญญาที่ ๒

**********



จาก : หนังสือทิพยอำนาจ โดย พระอริยคุณาธาร (ปุสฺโส เส็ง, ป.ธ. 6)

วิธีฝึก
1) ฝึกสมาธิให้ถึงฌาน 4

2) เข้าฌาน 1-2-3-4 แล้วสำเหนียกฟังเสียงคน สัตว์ ฯลฯ โดยรอบทิศ ในระยะใกล้ๆ ตัวเสียก่อน แล้วจึงขยายออกไป โดยลำดับให้ไกลที่สุดที่จะไกลได้ จนสุดขอบจักรวาลเป็นที่สุด
3) เข้าฌาน 1-2-3-4 แล้วสำเหนียกฟังเสียงแผ่วเบา เช่น เสียงหัวใจเต้น เสียงคล้ายทิพย์ เช่น เสียงความคิดของคน เสียงผี เสียงในสวรรค์ 6 ชั้น เสียงพรหม
4) เข้าฌาน 1-2-3-4 แล้วสำเหนีกฟังเสียงแก้ว (เสียงของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์) ด้วยหูแก้วต่อไป จนฟังได้ยินชัดเจนเหมือนฟังเสียงคนธรรมดา

*** สำเหนียก คือ ทำสติ จดจ่อฟังเสียง พุ่งสติไปรวมที่โสตประสาท คอยฟังเสียง

ไม่มีความคิดเห็น: